วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2565

เจาะ 5 ประเด็น เยอรมนี อำลาเวิลด์ คัพ 2022

 



เจาะ 5 ประเด็น เยอรมนี อำลาเวิลด์ คัพ 2022

ช็อกโลกมากๆ เมื่อ เยอรมนี ต้องอำลาศึกฟุตบอลโลก 2022 ไปเรียบร้อยแล้ว แม้พวกเขาจะสามารถเอาชนะ คอสตาริกา 4-2 ในเกมสุดท้าย กลุ่ม อี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย เนื่องจาก ญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มสุดยอดปราบ สเปน 2-1ส่งผลให้ทัพ “อินทรีเหล็ก” ต้องเก็บเสื้อผ้ากลับสู่มาตุภูมิเนื่องจากมี 4 คะแนนเท่ากับทัพ “กระทิงดุ” แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองบานเบอะ ฉะนั้นพวกเขาต้องกลับไปเลียแผลใจ และรีบฟื้นตัวให้เร็วที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับศึกยูโร 2024 ที่เมืองเบียร์


1. มูเซียล่า แจ้งเกิดเต็มตัว

ในความเศร้ายังพอมีแสงสว่างแห่งอนาคตอยู่บ้าง เพราะหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจะมากอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของเยอรมนี ก็คือ จามาล มูเซียล่า มิดฟิลด์ดาวโรจน์ วัย 19 ปีที่ทำผลงานได้โดดเด่นเหลือเกินตลอด 3 แมตช์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเกมกับ คอสตาริกา เจ้าตัวมีโอกาสกระชากลากเลื้อยหลอกล่อคู่แข่งได้ตลอดทั้งเกมโดยสถิติของเขาสามารถเลี้ยงบอลหลบแข้งคอสตาริกาได้สำเร็จถึง 12 ครั้งซึ่งถือเป็นสถิติที่มากที่สุดสำหรับแข้งดาวรุ่งในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้เจ้าตัวยังตะบันไปชนเสาถึง 2 ครั้งในแมตช์นี้ จะเห็นได้ว่าแม้การตกรอบทัวร์นาเมนต์นี้จะสร้างความเจ็บปวดให้กับแฟนบอล “อินทรีเหล็ก” และเพื่อนร่วมชาติ แต่พวกเขามีแข้งแห่งอนาคตที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในการกู้ชื่อเสียง และความยิ่งใหญ่กลับคืนมา




2. นอยเออร์ผิดฟอร์ม

เกมนี้ต้องบอกว่าผู้เล่นหลายคนของ เยอรมนี ฟอร์มน่าผิดหวังมากๆ โดยเฉพาะ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูที่ทำผลงานได้แย่เหลือเกินซึ่งภาพจำในฐานะนายทวารจอมหนึบตอนที่เล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค และชาติบ้านเกิดในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาไม่มีเหลือเลยในแมตช์นี้ สองประตูที่ทีมเสียไปส่วนหนึ่งเป็นความรับผิดชอบของ นอยเออร์ เต็มๆ ยิ่งประตูที่สองบอกเลยว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมากๆ สำหรับโกลที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่าเป็นนายทวารที่เหนียวหนึบที่สุดในโลก ฉะนั้นจากผลงานในศึกฟุตบอลโลก ฉบับตะวันออกกลาง น่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเวลาของเขาในการเป็นมือ 1 ทีมชาติเยอรมนี น่าจะใกล้จบลงแล้ว ! 





3. คอสตาริกา มีลุ้นเกือบสร้างเรื่องช็อกโลก

เชื่อว่าก่อนเกมนี้หลายๆ คนค่อนข้างมั่นใจว่า เยอรมนี จะสามารถปราบ คอสตาริกา ได้แบบไม่ยากเย็นนัก ที่สำคัญตอนที่พวกเขาได้ประตูขึ้นในเร็วในช่วงครึ่งแรกทำให้สาวก “อินทรีเหล็ก” วาดฝันอาจจะได้เห็นสกอร์ไหลเป็นน้ำตกในแมตช์นี้ แต่พอครึ่งหลังสถานการณ์กลับตาลปัตร แม้แข้งด๊อยท์ชจะครองเกมมากกว่า แต่จังหวะจบสกอร์ไม่เด็ดขาดสวนทางกับทัพกล้วยหอมจอมซ่า ที่บุกน้อยต่อยหนักและสามารถตามตีเสมอได้ ก่อนที่จะทำเรื่องช็อกโลกด้วยการยิงประตูขึ้นนำ 2-1 ด้วยสกอร์แบบนี้ ทำให้พวกเขาจะได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที เนื่องจาก สเปน ตามหลัง ญี่ปุ่น 1-2 และจะเป็นการเขี่ยสองชาติแชมป์โลกร่วมตกรอบแรกด้วย อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์และศักยภาพของผู้เล่น ท้ายที่สุด เยอรมนี สามารถพลิกสถานกรณ์กลับมายิงสองประตูรวดคว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ บอกเลยว่าตอนที่ คอสตาริกา นำ 2-1 แม้แต่แฟนบอลชาวเยอรมันบางคนก็เอาใจช่วยให้ทีมพลิกล็อกสร้างประวัติศาสตร์ได้เข้ารอบต่อไป และเขี่ย สเปน กอดคอเยอรมนี เก็บเสื้อผ้ากลับสู่มาตุภูมิ แต่น่าเสียดายที่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น (เยอรมนีตกรอบ)




4. ผลต่างประตูได้เสียสุดสำคัญ

ประเด็นที่แฟนบอลต้องพูดถึงกันมากๆ นั่นก็คือเรื่องของผลต่างประตูได้เสีย เพราะมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ เยอรมนี ต้องโบกมือลาประเทศกาตาร์ไปก่อนเวลาอันควร งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับ สเปน ที่โชว์ฟอร์มสุดยอดในแมตช์แรกและน่าจะเป็นแมตช์เดียวในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อไล่ต้อน คอสตาริกา 7-0 ขณะที่ทัพ “อินทรีเหล็ก” ยิงได้น้อยกว่าหลายเท่า นอกจากนี้การเริ่มต้นรอบแบ่งกลุ่มของแชมป์โลก 4 สมัยก็ไม่ดีเอาซะเลย ทำให้พวกเขาต้องพบกับชะตากรรมที่ยากลำบากในการต้องกระเสือกระสนเพื่อเข้ารอบน็อกเอาต์ ลองนึกภาพหากผลต่างประตูได้เสียระหว่าง สเปน กับ เยอรมนี คู่คี่สูสีกัน เชื่อว่าทัพ “กระทิงดุ” ต้องเล่นด้วยความกระตือรือร้นมากกว่านี้ในช่วงท้ายเกม แต่ด้วยเพราะความห่างในจุดนี้ทำให้ สเปน มีทางเลือกในการที่จะเล่นแบบยื้อเวลาเพื่อให้จบเกม เพราะยังไงต่อให้พวกเขาแพ้ ญี่ปุ่น ก็ไม่มีทางตกรอบชัวร์ สวนทางกับแข้งด๊อยท์ชที่พยายามกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่บุญเก่าในสองแมตช์แรกไม่เพียงพอก็ต้องยอมรับสภาพร่วงตกรอบเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน




5. บุกกาตาร์ด้วยฟอร์มดุแต่จบทั้งน้ำตา

เยอรมนี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีลุ้นแชมป์โลกครั้งนี้ เพราะนอกจากขุมกำลังที่แข็งแกร่งแล้วพวกเขายังถือเป็นประเทศที่มีประสบการณ์สูงในการเล่นรอบสุดท้ายเป็นรองแค่ บราซิล เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ลูกทีมของฮันซี่ ฟลิค โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติชนะ 9 แพ้ 1 เกมเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงได้บุกมายังดินแดนตะวันออกกลางในฐานะทีมเต็ง แต่ต้องยอมรับว่าการจับสลากมาอยู่ในกลุ่ม อี ซึ่งถือว่าเป็นกรุ๊ป ออฟ เดธ เป็นเรื่องโชคร้ายพอสมควร แต่คอลูกหนังยังคงเชื่อว่า เยอรมนี จะเอาตัวรอดไปได้ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ฉะนั้นต่อจากนี้ไปมาลุ้นกันดีกว่าว่าอนาคตของ ฟลิค จะได้อยู่ทำทีมแก้ตัวในศึกยูโร 2024 ที่บ้านเกิด หรือต้องไปหางานกุมบังเหียนใหม่กันแน่ !!


    ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบการเดิมพัน ชอบความท้าทาย หาที่เล่นที่มั่นใจปลอดภัยและไว้ใจได้ ต้อง WW6666 เท่านั้น ด้วยการสมัครสมาชิกเพียงครั้งเดียว คุณก็สามารถเล่น สล็อต หรือเกมที่คุณต้องการได้ทั้งหมดในเว็บไซต์ ไม่ต้องโยกเงินไปมาให้วุ่นวาย ด้วยระบบที่พัฒนามาเป็นอย่างดี สมัครง่ายๆเพียง Add Line : @w6666 หรือเว็บในเครือพันธมิตรอย่างเช่น scg6666win


Cr. (ww6666)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น